วันจันทร์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2557

การปลูกข้าว


การปลูกข้าว



   การผลิตข้าวให้ได้ผลผลิตสูงทั้งปริมาณและคุณภาพ ต้องมีองค์ประกอบที่เกื้อหนุนหลายปัจจัย ได้แก่ สภาพแวดล้อม สภาพพื้นที่ ชนิดของพันธุ์ข้าว ชนิดดิน ช่วงเวลาปลูก การรักษาระดับน้ำ การใส่ปุ๋ย การเขตกรรมที่เหมาะสม การป้องกันกำจัดศัตรูข้าว การเก็บเกี่ยว เงินทุน และที่สำคัญคือตัวเกษตรกรผู้ปลูก หากขาดปัจจัยใดปัจจัยหนึ่งหรือไม่เหมาะสมจะมีผลกระทบต่อผลผลิต และคุณภาพข้าว

สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม     
- อุณหภูมิระหว่าง 22-23 องศาเซลเซียส หากต่ำกว่า 20 องศาเซลเซียส ข้าวจะชะงักการเติบโต และดูดปุ๋ยได้น้อย
- ปริมาณน้ำฝน 1,200-1,500 มิลลิเมตรต่อปี และมีการกระจายตัวของฝนดี           

สภาพพื้นที่ที่เหมาะสม
- ควรเป็นที่ราบลุ่ม ควบคุมระดับน้ำได้
อยู่ในเขตชลประทานหรืออยู่ในเขตอาศัยน้ำฝนที่มีแหล่งน้ำธรรมชาติสนับสนุนตลอดฤดูกาลเพาะปลูก

ชนิดของพันธุ์ข้าวที่เหมาะสม  
- ชนิดของพันธุ์ข้าวที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับสภาพพื้นที่นา
   ≈ ข้าวนาสวนนาชลประทาน เหมาะกับพื้นที่นาชลประทานซึ่งเป็นพื้นที่ที่ควบคุมน้ำได้ มีน้ำขังประมาณ 5-15 เซนติเมตรตลอดฤดู มีคันนาเพื่อเก็บกักน้ำและอาศัยน้ำจากชลประทานส่วนใหญ่เป็นพันธุ์ไม่ไวต่อแสง
   ≈ ข้าวนาสวนนาน้ำฝน  เหมาะกับพื้นที่นาน้ำฝน ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีน้ำขังไม่เกิน 50 เซนติเมตร มีคันนาเพื่อเก็บกักน้ำ และอาศัยน้ำฝนเป็นหลัก
   ≈ ข้าวขึ้นน้ำ เหมาะกับพื้นที่นาที่มีน้ำท่วมขังในนาระหว่างการเจริญเติบโตของข้าว มีระดับน้ำลึกตั้งแต่ 1-5 เมตร เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 1 เดือน
   ≈ ข้าวน้ำลึก เหมาะกับพื้นที่นาที่มีระดับน้ำลึกในนามากกว่า50 เซนติเมตร แต่ไม่เกิน 100 เซนติเมตร
   ≈ ข้าวไร่ เหมาะกับพื้นที่นาที่ปลูกในที่ดอนหรือในสภาพไร่ บริเวณไหล่เขา หรือพื้นที่ซึ่งไม่มีน้ำขัง ไม่มีคันนาเพื่อกักเก็บน้ำส่วนใหญ่เป็นพันธุ์ไวต่อแสง
พันธุ์ข้าวใช้ปลูก มี 2 ประเภท
    พันธุ์ข้าวไวต่อช่วงแสง เป็นพันธุ์ข้าวต้นเตี้ย ปลูกได้ตลอดปีตอบสนองต่อปุ๋ยสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากปลูกในฤดูแล้ง
    พันธุ์ข้าวไม่ไวต่อช่วงแสง เป็นพันธุ์ข้าวต้นสูง ตอบสนองต่อปุ๋ยต่ำหากใส่ปุ๋ยอัตราสูง ผลผลิตอาจเพิ่มเล็กน้อย หรือลดต่ำลงเนื่องจากต้นข้าวล้ม

ดินที่เหมาะสม                
- ควรเป็นดินที่มีความอุดมสมบูรณ์ มีค่าความเป็นกรดเป็นด่าง (pH) 5.5 - 6.5 ดินเหนียวเป็นดินที่มีเนื้อละเอียดมีธาตุอาหารมากกว่าดินเนื้อหยาบ หรือดินทราย ซึ่งมีธาตุโพแทสเซียมต่ำ

ช่วงเวลาปลูกที่เหมาะสม           
       ภาคเหนือ                         มิถุนายน   กรกฎาคม
       ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ             มิถุนายน   กรกฎาคม
       ภาคกลาง                         กรกฎาคม สิงหาคม
       ภาคใต้ฝั่งตะวันตก                  สิงหาคม  – ตุลาคม
       ภาคใต้ฝั่งตะวันออก                 มิถุนายน  กรกฎาคม

การเตรียมแปลงนา
   พื้นที่นาที่ดีที่สุดในการทำนาข้าวต้องเสมอ ถ้าไม่เสมอก็จะทำให้คุมหญ้าไม่อยู่ กักน้ำในนาให้พอดี ต่อความต้องการไม่ได้ เมื่อหว่านข้าว ข้าวก็จะขึ้นไม่เสมอ ต้องมาตามซ่อมในภายหลังอีก แต่ถ้าดินเสมอ เมื่อถ่ายน้ำออกพื้นนาก็จะแห้งเหมือนกันทั้งหมด ข้าวก็จะขึ้นเขียวเสมอกันทั้งแปลง ก็จะส่งผลไปถึงการออกรวงและเก็บเกี่ยวคือ ข้าวจะออกรวงพร้อมกัน สุกเหมือนกันทุกรวง คุณภาพข้าวก็จะดี ขายได้ราคา เมื่อพื้นที่นาเสมอควบคุมน้ำได้ ข้าวก็จะแตกกอได้ดี มีอากาศถ่ายเทลงสู่ดินได้มาก รากข้าวก็แข็งแรง ไม่ล้มง่าย

การเตรียมพันธุ์ข้าว
   การทำนา พันธุ์ข้าว คือหัวใจสำคัญที่สุด ถ้าพันธุ์ข้าวดี ผลผลิตก็ดีตาม ถ้าพันธุ์ข้าวไม่ดี ผลผลิตก็ได้ไม่ดีตามเช่นกัน

- พันธุ์ข้าวที่ดี ควรมีลักษณะดังนี้
  1.  เมล็ดข้าวต้องไม่มีเชื้อรา  เชื้อโรคติดอยู่
  2.  เมล็ดต้องเต็มไม่เป็นโพรงใน หรือเรียกว่าข้าวไม่เต็มกระโปรง ถ้าเป็นพันธุ์ข้าวที่ซื้อมาจากศูนย์            ผลิตพันธุ์ข้าว ก็จะได้ข้าวที่ดี แต่ถ้าซื้อจากโรงสีที่ทำพันธุ์ข้าวขาย ก็จะมีดีบ้างไม่ดีบ้าง ยิ่งถ้าเป็น        พันธุ์าวที่ชาวนาเก็บไว้เอง ก็จะยิ่งมีข้าวที่ไม่สมบูรณ์อยู่มากมาย บางครั้งยังมีโรคเชื้อราที่เมล็ด            ข้าวด้วย
- วิธีคัดเมล็ดพันธุ์ข้าวที่ดีที่สุด
  1.  การใช้ค่าความถ่วงจำเพาะของน้ำที่มีความเค็มโดยใช้เกลือ 4 ก.ก. น้ำ 20 ลิตร ละลายให้เข้ากัน          ดีแล้วนำไข่ไก่ใหม่ ๆ ใส่ลงไป ให้สังเกตดูว่าไข่ลอยโผล่พ้นน้ำขึ้นมาขนาดเท่าเหรียญ 5 บาท              แสดงว่าพอดี ถ้าไข่ยังจมอยู่ให้ใส่เกลืออีกจนพอดี แต่ถ้าไข่ลอยขึ้นมามากเกินไปก็ให้เติมน้ำลงไป        อีกให้ไข่ลอยเท่าเหรียญ 5บาท
  2.  นำพันธุ์ข้าวเทลงไปข้าวที่เมล็ดไม่เต็มก็จะลอยขึ้นมาทั้งหมดจะเหลือข้าวที่สมบูรณ์100%จมอยู่ใต้        ล่างส่วนเมล็ดที่ลอยบ้างจมบ้างก็ให้เอาไปทิ้งให้หมด ไม่ต้องเสียดาย 
  3.  หลังจากเอาเมล็ดลีบที่ลอยออกหมดแล้วให้นำเมล็ดข้าวที่สมบูรณ์ไปล้างน้ำเปล่าให้เกลี้ยง ถ้าลืม        ล้างข้าวจะไม่งอก 

ระดับน้ำ  
- ระดับน้ำตลอดฤดูปลูกควรควบคุมอยู่ในระดับลึกประมาณ 5-15 เซนติเมตร
- ระดับน้ำในนาข้าวลึกหรือตื้นเกินไปจะทำให้ปุ๋ยเคมีสูญเสียไปง่ายระดับที่เหมาะสมกับการใส่ปุ๋ย คือที่   ระดับ 5 10 เซนติเมตร
- อย่าให้ขาดน้ำในช่วงระยะเวลาระหว่างเกิดช่อดอก (ประมาณ 30 วันก่อนออกดอก) จนถึงระยะสร้าง   แป้งในเมล็ด (ประมาณ 20 วันหลังออกดอก)
- ควรระบายน้ำออกจากนา หลังข้าวออกดอกแล้ว 20-25 วัน เพื่อเร่งให้ข้าวสุกพร้อมกัน

ปุ๋ย                       
- ข้าวไม่ไวต่อช่วงแสง
  ดินเหนียว      ใส่ครั้งที่ 1 สูตร 16-20-0 หรือ 18-22-0 หรือ 20-20-0 
                          อัตรา 25-35 กิโลกรัมต่อไร่
                ใส่ครั้งที่ 2 สูตร 21-0-0 อัตรา 20-30 กิโลกรัมต่อไร่ หรือ สูตร 46-0-0 
                          อัตรา 10-15 กิโลกรัมต่อไร่
  ดินร่วนและทราย
                ใส่ครั้งที่ 1 สูตร 16-16-8 หรือ 18-12-6 หรือ 15-15-15
                          อัตรา 25-35 กิโลกรัมต่อไร่
                ใส่ครั้งที่ 2 สูตร 21-0-0 อัตรา 20-30 กิโลกรัมต่อไร่ หรือสูตร 46-0-0 
                          อัตรา 10-15 กิโลกรัมต่อไร่
- ข้าวไม่ไวต่อช่วงแสง
  ดินเหนียว      ใส่ครั้งที่ 1 สูตร 16-20-0 หรือ 18-22-0 หรือ 20-20-0
                          อัตรา 20-25 กิโลกรัมต่อไร่
                ใส่ครั้งที่ 2 สูตร 21-0-0 อัตรา 10-20 กิโลกรัมต่อไร่ หรือสูตร 46-0-0                                 อัตรา  5-10 กิโลกรัมต่อไร่
  ดินร่วนและทราย
                ใส่ครั้งที่ 1 สูตร 16-16-8 หรือ 18-12-6 หรือ15-15-15
                          อัตรา 20-25 กิโลกรัมต่อไร่
                ใส่ครั้งที่ 2 สูตร 21-0-0 อัตรา 10-20 กิโลกรัมต่อไร่ หรือสูตร 46-0-0                                 อัตรา  5-10 กิโลกรัมต่อไร่
ใส่ปุ๋ยครั้งที่ 1  ปลูกวิธีปักดำใส่ปุ๋ย 1 วันก่อนปักดำแล้วคราดกลบปลูกวิธีหว่านน้ำตมใส่เมื่อข้าวอายุ                        20-30 วัน
ใส่ปุ๋ยครั้งที่ 2  ทั้งวิธีปักดำ และหว่านน้ำตมใส่ระยะกำเนิดช่อดอก หรือ 30 วันก่อนข้าวออกรวง
             - หลังจากใส่ปุ๋ยแล้วควรรักษาระดับน้ำในแปลงนาประมาณ 10-15เซนติเมตร กักน้ำ                ไว้ไม่น้อยกว่า 7-10 วัน
             - ควรใส่ปุ๋ยอินทรีย์ร่วมกับปุ๋ยเคมี เพื่อช่วยดูดซับธาตุอาหารและชะลอการสูญเสียธาตุ                อาหารจากปุ๋ยเคมี
             - ดินร่วนปนทราย และดินทราย การมูลไก่อัตรา 600 กิโลกรัมต่อไร่สามารถเพิ่ม                    ผลผลิตข้าวได้

การกำจัดวัชพืช             
- ควรเตรียมดินให้ดี ปรับระดับพื้นที่ให้สม่ำเสมอให้น้ำเข้าแปลงได้ทั่วถึงป้องกันวัชพืชได้
- วัชพืชส่วนใหญ่จะงอกเดือนมิถุนายนมากที่สุด การปลูกข้าวหว่านน้ำตมในเดือนกรกฎาคม จะมี       ประชากรวัชพืชน้อย และได้ผลผลิตมากกว่าช่วงเวลาอื่น
- นาหว่านน้ำตม หรือนาดำ ควรกำจัดวัชพืชในช่วง 30 วันหลังข้าวงอกส่วนข้าวไร่ ควรกำจัดวัชพืช   ในช่วง 14 วันหลังงอก (ใช้แรงงานคน)
- ควรกำจัดวัชพืชก่อนใส่ปุ๋ย ทำให้ต้นข้าวได้รับปุ๋ยเต็มที่ อาจใช้สารเคมีกำจัดวัชพืชประเภทก่อนปลูก   หรือประเภทก่อนงอกหรือประเภทหลังงอกกำจัด แต่ต้องใช้ให้ถูกชนิด ถูกเวลา และถูกอัตรา
     
การกำจัดแมลงศัตรูข้าว  
- เกษตรกรต้องหมั่นสำรวจแปลงอย่างสม่ำเสมอตลอดฤดูกาลเพาะปลูก
- เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล แมลงบั่ว หนอนห่อใบข้าว เป็นแมลงที่ระบาดทำลายอย่างเฉียบพลันและ     รุนแรง ต้องเฝ้าระวังโดยเฉพาะอย่างยิ่งเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล เข้าทำลายข้าวทุกระยะการเจริญ       เติบโต   ของข้าว
หนอนกอข้าว และเพลี้ยไฟ ระบาดทำลายข้าวเป็นประจำทุกฤดูปลูก แต่ไม่ค่อยเสียหายรุนแรง
- แมลงหล่า หนอนกระทู้ และหนอนปลอก เป็นแมลงที่ระบาดเป็นบางครั้งเมื่อสภาพแวดล้อมเหมาะ     สมหลังเกิดภัยธรรมชาติ เช่น น้ำท่วม ฝนแล้งติดต่อกันนาน
- การป้องกันกำจัดเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล
  ≈ การระบายน้ำในนาออกเป็นครั้งคราวให้อยู่ในระดับเรี่ยผิวดิน เป็นเวลา 7-10 วัน สลับกับการ        ปล่อยน้ำให้ท่วมกาบใบ จนถึงระยะข้าวตั้งท้องจะช่วยลดปริมาณเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลได้          ประมาณ 4 เท่า
  ≈ การใช้สารฆ่าแมลงกลุ่มไพรีทรอยด์สังเคราะห์จะทำให้การระบาดของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล          รุนแรงขึ้น

การเก็บเกี่ยว                 
- ระยะเวลาที่เหมาะสม ควรเก็บเกี่ยวข้าวระยะพลับพลึง ให้สังเกตเมล็ดในรวงข้าวส่วนใหญ่เปลี่ยนเป็น   สีฟาง หรือสีน้ำตาล หรือใช้วิธีนับจากวันที่ข้าวในแปลงออกดอกร้อยละ 80 แล้วนับต่อไปอีก 30วัน
- ก่อนการเก็บเกี่ยว ประมาณ 7-10 วันระบายน้ำออกจากแปลงให้หมดเพื่อเร่งให้ข้าวสุกแก่สม่ำเสมอ